IMMUNE SYSTEM & NK CELL
ระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบภูมิคุ้มกัน (IMMUNE SYSTEM) คือระบบการป้องกันตามธรรมชาติ (สร้างขึ้นจากเนื้อเยื่อ,เซลล์,อวัยวะ และ โมเลกุล) ซึ่งเป็นโครงสร้างและกระบวนการทางชีวภาพต่างๆ ภายในร่างกายทำหน้าที่ช่วยป้องกันโรค ส่งผลให้ร่างกายของคนเรา สามารถป้องกันตัวเอง ต่อต้านโรคต่างๆผ่านทางระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย แบ่งได้เป็น 2 ชนิด
- Innate immunity เป็นระบบภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิดแบบไม่จำเพาะเจาะจง Physical barrier, macrophages, granulocytes, และ monocytes รวมถึง NKcell
- Adaptive immunity เป็นระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับภายหลัง เช่น เชื้อโรคติดต่อเช่น Covid19 หรือมะเร็งต่างๆ เป็นต้น
ความสำคัญของภูมิคุ้มกัน
เมื่อระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี ก็เปรียบเสมือนมีกองทัพที่พร้อมจะปกป้องคุณ จากการรุกรานที่พยายามจะฆ่าหรือทำลาย ทั้งเซลล์หรือแม้กระทั่งอวัยวะของคุณ ระบบการป้องกันตามธรรมชาติจะต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆเช่น แบคทีเรีย ไวรัส และเซลล์มะเร็ง เพื่อคงสุขภาพที่ดีเอาไว้ให้คุณ
บางครั้งเชื้อโรคเหล่านี้อาจมีขนาดเล็ก(เช่น ไวรัส) และต้องการเซลล์ที่จะต่อสู้ (ทหาร) เพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะฆ่าเชื้อโรคเหล่านั้น หรือบางครั้ง เชื้อโรคที่เราพบอาจมีขนาดใหญ่ (เหมือนก้อนเนื้องอก) และจำเป็นที่จะต้องใช้ทหารทั้งกองทัพเพื่อที่จะฆ่ามัน
เมื่อใดที่คุณมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งก็เปรียบเสมือนมีกองกำลังทหารของตัวเอง เพื่อป้องกันจากการโจมตีของการติดเชื้อโรค ที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆเช่น โรคมะเร็ง และโรคอื่นๆ
NK Cell คืออะไร
NK Cells หรือ Natural Killer Cells เปรียบเสมือน กองกำลังทหารในระบบภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิดแบบไม่จำเพาะเจาะจงของร่างกาย ซึ่งเป็นเม็ดเลือดขาวชนิด “lymphocyte” เซลล์เหล่านี้นับว่าเป็นกุญแจสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน เหมือนด่านหน้าในการต่อสู้ต่อเซลล์แปลกปลอมที่เป็นอันตราย
TCELS – เซลล์บำบัด รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว ขอบคุณข้อมูลจาก : คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในช่วงเวลาปกติ ในร่างกายจะมี NK Cells อยู่ประมาณ 2,000-5,000 ล้านเซลล์ เมื่อมีเซลล์แปลกปลอมรุกล้ำเข้ามา NK Cells จะรู้ได้ทันทีและเป็นเหมือนกองทหารที่คอยปกป้อง พร้อมเคลื่อนเข้าไปเผชิญหน้ากับเซลล์แปลกปลอมเหล่านั้นภายใน 24 ชั่วโมง ทันทีที่เคลื่อนเข้าไปถึงนั้นจะเกิด 2 สิ่งด้วยกัน
- NK Cell จะจัดการกับเซลล์แปลกปลอม โดยสร้างปฎิกิริยาลูกโซ่ซึ่งเป็นการฆ่าเซลล์แปลกปลอมได้โดยตรง เรียกว่า cytotoxicity – “cyto” คือ เซลล์ และ “toxicity” คือ การฆ่า
- NK Cell จะทำงานไปพร้อมกับการปล่อยสารโปรตีนในกระแสเลือดที่เรียกว่า Cytokine (“cyto” คือ เซลล์ และ “Kine” คือ การเคลื่อนที่) Cytokine คือ ผู้ส่งสาร ที่เรียกเซลล์อื่นๆในระบบภูมิคุ้มกันมาช่วย NK Cells ฆ่าเซลล์แปลกปลอม หรือช่วยป้องกันการโตของเนื้องอก
NK cell เป็นส่วนประกอบของระบบภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิดซึ่งผลิตจากไขกระดูก จัดอยู่ในกลุ่ม lymphocyte บทบาทสำคัญของ NK Cell มี 2 ประการคือเป็นเซลล์ที่คอยเฝ้าระวังเซลล์ผิดปกติและเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส
สาร Cytokines เช่น interferon จะถูกสร้างโดย activated NK cells, activate CTL และ helper T-cells responses โดยสาร Cytokines จะเป็นตัวควบคุมการตอบสนองของภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะเจาะจง (adaptive immune) และรักษาสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้น NK cell จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญ ที่จะดูแลรักษาและปกป้องสุขภาพที่ดีของคุณไว้
NK Cell ทำงานอย่างไร
การทำงานของ NK Cell หรือที่เราเรียกว่า NK Cell Activity เป็นตัวชี้วัดความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับเซลล์แปลกปลอมที่เป็นอันตราย รวมทั้งช่วยให้แพทย์ประเมินความแข็งแกร่งของระบบภูมิคุ้มกันของคุณในการต่อสู้กับการติดเชื้อหรือเซลล์มะเร็ง NK Cell Activity เป็นค่าที่สะท้อนถึงปัจจัยและโรคต่างๆเช่นในคนที่มีความเครียดสูง, นอนไม่หลับ หรือมีภาวะโภชนาการที่ไม่เหมาะสม ก็จะมีค่า NK Cell Activity ระดับต่ำ โดยเฉพาะในผู้ป่วยสูงอายุการมีค่า NK Cell Activity ระดับต่ำ ส่งผลให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นจากโรคติดเชื้อและโรคอื่นๆตามมา
การวัดค่า NK Cell Activity นับเป็นสิ่งสำคัญเหมือนการตรวจค่าเลือดอื่นๆซึ่งจะทำให้การตรวจวัดค่าเลือดสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ถ้าคุณเป็นโรคหรือมีความเจ็บป่วยอยู่ การวัด NK Cell Activity อาจจะไม่สามารถระบุถึงชนิดของโรคได้ แต่อย่างไรก็ตามค่านี้จะช่วยให้แพทย์ตัดสินใจที่จะตรวจสอบคุณเพิ่มเติมเพื่อให้รู้ถึงโรคเหล่านั้น
ในแต่ละวันร่างกายของมนุษย์ มีเซลล์ที่ผิดปกติมากกว่า 5,000 เซลล์ อย่างเช่น เซลล์มะเร็ง ซึ่งมีการเติบโตและตายไปในทุกๆวัน NK Cell คือเซลล์ชนิดเดียวเท่านั้นที่จะสามารถจดจำและจู่โจมเซลล์มะเร็งต่างๆซึ่งจะช่วยยับยั้งการโตขึ้นของเซลล์มะเร็งและป้องกันการกลับซ้ำ ความสำคัญและความสัมพันธ์ของ NK Cell และโรคมะเร็งมีข้อมูลมานานแล้ว
การตรวจวัดระดับ “NK Cell Activity” ในร่างกาย
Immunity NK Test คือ เทคโนโลยีการตรวจเลือดครั้งแรกในหลอดทดลอง ซึ่งสามารถวัด IFN-gramma ที่หลั่งออกมาโดย NK Cell หลังจากถูกกระตุ้น ค่านี้จะช่วยประเมินความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิดแบบไม่จำเพาะเจาะจง ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสและเซลล์มะเร็ง
*การทำงานของ NK Cell เปรียบเสมือนด่านแรกของการป้องกัน, โดยการต่อต้านการรับเชื้อไวรัสรวมทั้งเซลล์มะเร็งชนิดใหม่ๆและหน้าที่ในการทำลายเซลล์มะเร็ง Immunity NK Test ผ่านการอนุมัติโดย The MFDS (Ministry of Food and Drug Safety) October,2012(12-1357) และได้การยอมรับในฐานะ Novel Health Technology หลังผ่านการประเมินโดย NECA (National Evidence-based healthcare Collaborating Agency June, 2014
ใครบ้างที่ควรวัดระดับภูมิคุ้มกัน NK Cell
- ผู้ที่ต้องการตรวจติดตามการทำงานของภูมิคุ้มกันของตนเอง
- คนที่มีการติดเชื้อบ่อยครั้ง
- คนที่ต้องสัมผัสกับฮอร์โมนหรือมลพิษจากสิ่งแวดล้อมเป็นระยะเวลายาวนาน
- คนที่มีภาวะอ่อนล้าเรื้อรัง
- คนที่มีประวัติการสูบบุหรี่อย่างหนัก
เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายคุณ ด้วย NK Cell Therapy
สำหรับผู้ที่มีข้อบ่งชี้ถึงการทำงานของ NK Cell Activity ในระดับต่ำกว่าค่าปกติ (100-250) อาจมีสาเหตุมาจากเงื่อนไขที่เกี่ยวกับสุขภาพ หรือเป็นสัญญาณจากโรคในระยะเริ่มต้น ดังนั้นจึงควรปรับและเสริมภูมิต้านทานของคุณ และผู้ที่มีข้อบ่งชี้ถึงการทำงานของ NK Cell Activity ในระดับปกติ (250-500) ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจที่จะรักษาสภาวะที่ดีนี้ไว้ให้คงอยู่กับคุณ
Immunity booster เป็นสารสกัดจากพืชทางธรรมชาติ ที่มีงานวิจัยรองรับในด้านเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการเจริญของเนื้องอกและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มการแบ่งตัวและการเจริญเติบโตของเซลล์ ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมสำหรับร่างกายที่ผลิตและควบคุมคุณภาพจากประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่มีสารเคมีเจือปน จึงปลอดภัยเหมาะสำหรับ
- กลุ่มคนที่มีภาวะเครียดและวิตกกังวล นอนไม่หลับ พักผ่อนน้อย
- ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกัน และเพิ่มพลังให้ร่างกายแข็งแรง
- เสริมการรักษาโรคมะเร็ง โดยช่วยลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาเคมีบำบัด มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการใช้เห็ด Agaricus อาจลดบางส่วนของผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดรวมทั้งความอ่อนแอและการสูญเสียความอยากอาหาร
- ภาวะคอเลสเตอรอลสูง
- ภาวะเส้นเลือดอุดตัน ช่วยลดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง
- ภาวะตับอักเสบเรื้อรัง
- ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
- ป้องกันกระดูกอ่อนแอ (โรคกระดูกพรุน)
- ป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร
- ฯลฯ