Reju หรือ Rejuvenation หมายถึงการคืนความอ่อนเยาว์พร้อมทั้งยกกระชับผิว
สำหรับการรักษาผิวพรรณด้วยเซลล์ต้นกำเนิด มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวมและการลบเลือนสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ อันเนื่องมาจากอายุที่มากขึ้น,การเผชิญกับแสงแดดและสิ่งแวดล้อม เซลล์ต้นกำเนิดสามารถคืนความอ่อนเยาว์พร้อมทั้งยกกระชับผิวหน้าให้คุณ
จากการศึกษาวิจัย พบว่าเมื่อปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดลงในบริเวณผิวส่วนใดจะทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นในบริเวณนั้น, คอลลาเจนใต้ผิวหน้าหนาตัวขึ้น, รวมทั้งคุณภาพและผิวสัมผัสของผิวที่ดีขึ้น
การยกกระชับหน้าด้วยเซลล์ต้นกำเนิด เป็นขั้นตอนการฟื้นฟูใบหน้าที่สมบูรณ์แบบโดยไม่ต้องอาศัยการศัลยกรรม เป็นการหลีกเลี่ยงรอยแผลต่างๆ เพราะด้วยศักยภาพที่มีของเซลล์ต้นกำเนิด จึงไม่จำเป็นที่เราจะต้องเสริมการดูแลรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกซ์ หรือการเติมฟิลเลอร์
สเต็มเซลล์ คืออะไร
สเต็มเซลล์ (Stem Cell) จัดว่าเป็นวิทยาการที่ล้ำหน้าที่สุดในการรักษาและเสริมความงามทางการแพทย์ สเต็มเซลล์หรือเซลล์ตัวอ่อนที่สามารถเปลี่ยนไปเป็นเซลล์อื่น ๆ ความจริงแล้วมีอยู่ในร่างกายของเราทุกคน เช่น ในไขกระดูก ฟันน้ำนม ในเลือด และในไขมัน เป็นต้น ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบปริมาณแล้ว ถือว่าไขมันเป็นแหล่งสะสมสเต็มเซลล์ที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย และในปัจจุบันเราก็สามารถสกัดสเต็มเซลล์จากเซลล์ไขมันได้แล้วที่เรียกว่า Fat Stem Cell
ตำแหน่งไหน ที่นิยม การเติมเต็มด้วยเซลล์ไขมัน
ส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า สามารถนำเซลล์ไขมันมาตกแต่งและเติมเต็มได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก ขมับ แก้ม เบ้าตา สันจมูก โหนกแก้ม ริมฝีปาก คาง และหน้าอก เป็นต้น การเติมเต็มด้วยเซลล์ไขมันบนใบหน้า นอกจากจะทำให้ใบหน้าดูได้สัดส่วนแล้ว ยังทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เซลล์ไขมันยังสามารถนำมาฉีดได้ทั่วใบหน้าและลำคอ เนื่องจากในเซลล์ไขมันที่ปลูกถ่ายลงไป จะมีเซลล์ไขมันตัวอ่อนหรือสเต็มเซลล์ ซึ่งจะไปช่วยซ่อมแซมผิวหนังที่สึกหรอจากการเปลี่ยนแปลงของวัยได้ เสมือนเป็นการเติมสารอาหารเข้มข้นตรงสู่ใบหน้าและลำคอ ที่เรียกว่า Fat Rejuvenation จึงทำให้ใบหน้าและลำคอดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง ผิวพรรณสดใส ริ้วรอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้การเติมเต็มด้วยเซลล์ไขมันยังสามารถนำมาแก้ไขความพกพร่องที่เกิดจากการผ่าตัดหรือดูดไขมันได้ และที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ คือการเสริมหน้าอกด้วยเซลล์ไขมันตนเอง
สเต็มเซลล์ นำมาจากส่วนไหนได้บ้าง
ความจริงแล้ว ไขมันทุกส่วนที่มีอยู่ในร่างกายสามารถนำมาใช้ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นหน้าท้อง ต้นขา หรือหัวเข่า เป็นต้น แต่ละส่วนจะมีเซลไขมันที่มีคุณภาพต่างกัน ไขมันหน้าท้องหรือหัวเข่าเป็นไขมันที่นุ่ม มีปริมาณเซลล์ไขมันที่แข็งแรง รวมถึงมีความหนาแน่นของเซลล์ไขมันตัวอ่อนหรือ สเต็มเซลล์มากกว่าไขมันจากบริเวณเอวหรือหลัง ซึ่งจะมีพังผืดมากกว่า ไขมันหน้าท้องและหัวเข่าจึงมักถูกนำมาใช้มากกว่าไขมันส่วนเอวหรือหลัง แต่เราไม่สามารถนำไขมันคนอื่นมาใช้ได้เนื่องจากจะเกิดการต่อต้าน
การใช้สเต็มเซลล์ไขมัน มีความปลอดภัยหรือไม่
เซลล์ไขมันจัดเป็นสารเติมเต็มธรรมชาติที่มีความปลอดภัยต่อร่างกายมากที่สุด เนื่องจากเป็นเซลล์ของร่างกายเอง จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการแพ้หรือการต่อต้านใด ๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งเซลล์ไขมันยังเป็นเซลล์ที่มีชีวิต จึงมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าสารเติมเต็มอื่น ๆ
การเติมเต็มด้วยเซลล์ไขมัน ช่วยรักษาอะไรได้บ้าง
- เติมเต็มบริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้อวบอิ่ม เช่น บริเวณขมับ ร่องแก้ม ใต้ตา รอบดวงตา มุมคาง หน้าผาก ฯลฯ
- เสริมจมูกให้เป็นสัน ดูมีมิติ สวยอย่างเป็นธรรมชาติ
- การเสริมหน้าอกด้วยเซลล์ไขมันตนเองเพื่อความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
- ฟื้นฟูสภาพผิวพรรณที่เสื่อมลง ให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น (นิยมฉีดทั่วใบหน้าและลำคอ)
- เติมเต็มบริเวณหลังมือ ให้ดูอิ่ม เต่งตึง
- เติมเต็มร่องรอยความไม่เรียบหลังการดูดไขมัน ฯลฯ
ข้อดี ของการเติมเต็ม ด้วยเซลล์ไขมัน
- ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย
- ไขมันที่ฉีดเข้าไปและเหลืออยู่หลังจากผ่านไป 6 เดือนจะอยู่ได้ถาวร
- ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ
- สามารถเติมเต็มไขมันได้ในปริมาณมากในการทำแต่ละครั้ง (อาจทำสองถึงสามครั้ง)
- ไขมันเป็นฟิลเลอร์ที่มีชีวิตสามารถฟื้นฟูสภาพความมีชีวิตชีวาของผิวหน้าได้ เพราะไขมันมีสเต็มเซลล์ไขมันปนอยู่
ข้อจำกัด ของการเติมเต็ม ด้วยเซลล์ไขมัน
- ไม่สามารถทำในคนที่ผอมมาก ๆ
- แม้ว่าผลการเติมเต็มเซลล์ไขมันจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่ยังมีการสลายตัวบางส่วน ปริมาณการสลายตัวของเซลล์ไขมันนั้นไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับธรรมชาติแต่ละคน และในแต่ละตำแหน่งของร่างกายที่ตอบสนองแตกต่างกัน
การดูแลตัวเอง หลังเข้ารับการรักษา
- หลังเข้ารับการรักษาควรมีการประคบเย็น 48 – 72 ชั่วโมงเพื่อลดอาการบวมและอาการเขียวช้ำ
- มีอาการบวมประมาณ 1 – 2 วัน อาจมีรอยจ้ำเลือดใต้ผิว แต่สามารถแต่งหน้าเพื่อปิดรอยได้
- ช่วงแรกอาจจะยังคลำเจอไขมัน และไม่ค่อยเรียบเนียนนัก คนไข้ยังไม่ต้องกังวล แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำ ซึ่งอาการเหล่านี้ก็จะดีขึ้น ใน 1 – 3 สัปดาห์หลังทำ เพราะจะมีการบวม มีรอยเขียวช้ำ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรก และจะเริ่มดีขึ้นในอาทิตย์ที่ 3 – 4 ซึ่งใบหน้าจะดูเข้ารูปมากขึ้น เห็นความอ่อนเยาว์ชัดเจนขึ้น